ทำไมรถรุ่นเก่า ทนกว่า รถรุ่นใหม่

วิวัฒนาการแอร์รถยนต์ในเมืองไทย

ประเทศไทยเริ่มมีการนำรถยนต์เข้ามาใช้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ รถยนต์ที่นำเข้ามาใช้ในระยะแรกต้องบรรทุกเรือเดินสมุทรมาจากต่างประเทศ ซึ่งส่วนมากจะมาจากทวีปยุโรป การผลิตรถยนต์ในประเทศไทยได้เริ่มขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๕ และได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนสามารถผลิตเพื่อการส่งออกได้ในปัจจุบัน

อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ประกอบด้วย ๓ ส่วนหลัก คือ

1.ส่วนของโรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วน
2.ส่วนของโรงงานประกอบรถยนต์
3. ส่วนของการจัดจำหน่ายและบริการ

ส่วนของโรงงานประกอบรถยนต์เท่านั้น โดยแยกออกเป็นฝ่ายต่างๆ

ฝ่ายออกแบบและวิจัย
ฝ่ายควบคุมสูตรการผลิต
ฝ่ายพัฒนาชิ้นส่วนในประเทศ
ฝ่ายวิศวกรรมการผลิต
ฝ่ายวางแผนและควบคุมการผลิต
ฝ่ายผลิต
ฝ่ายตรวจสอบคุณภาพ
ฝ่ายรับประกันคุณภาพ

ระบบแอร์รถยนต์อาจแบ่งได้เป็น 3 ช่วง

1.โรงงานประกอบรถยนต์ ไม่ติดตั้ง ระบบแอร์มาให้ลูกค้า ลูกค้าหรือตัวแทนจำหน่ายจัดหาติดตั้งแอร์ให้(จาก ร้าน หรือ บริษัท ทั้วไป) เป็นระยะใช้น้ำยาแอร์ R12 (ใช้งาน 8 ปีขึ้นไป )

2.โรงงานประกอบรถยนต์ เริ่มมีการติดตั้ง ระบบแอร์มาให้ลูกค้า โดยจัดหาอุปกรณ์แอร์มาติดตั้งในโรงงานประกอบรถยนต์ เป็นระยะที่เริ่มใช้น้ำยาแอร์ R134a ( ใช้งาน ไม่เกิน 4 ปี )

3.โรงงานประกอบรถยนต์ออกแบบและติดตั้งระบบแอร์โดยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศผลิตส่งให้โรงงานประกอบรถยนต์ ใช้น้ำยาแอร์ R134aทุกคัน ( ใช้งาน ไม่เกิน 2 ปี )
ดังนั้น อาจสรุปให้ว่า

ช่วงแรก (R12) ระบบแอร์ถึงแม้ไม่ซับซ้อนแต่ก็ทนทานอะไหล่มีทั่วไปจัดหาง่าย

ช่วงสอง (เริ่มใช้น้ำยาแอร์ R134a) โรงงานประกอบรถยนต์สั่งให้ ผู้ผลิตชิ้นส่วน ออกแบบอุปกรณ์ให้ทางโรงงานประกอบรถยนต์ เลือกใช้ไม่ซับซ้อนเท่าไรแต่ก็ทนทานพอสมควรอะไหล่มีทั่วไปจัดหาง่าย

ช่วงสาม (ใช้น้ำยาแอร์ R134a) โรงงานประกอบรถยนต์ สั่งให้ ผู้ผลิต ผลิตชิ้นส่วน อุปกรณ์แอร์เฉพาะรุ่นให้ ทางโรงงานประกอบรถยนต์ ตาม ฝ่ายวิศวกรรมการผลิต ฝ่ายควบคุมกำหนดการผลิต ช่วงนี้เป็นช่วงปัจจบันโรงงานประกอบรถยนต์ต่างละแห่งต่างพยายามลดต้นทุนการผลิต และเร่งการผลิต ตามการแข่งขันการตลาด มาตราฐานของระบบแอร์รถยนต์และอุปกรณ์ จึงต่ำลงไม่สมบูรณ์
กล่าวมานี้ล้วนเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดทั้งสิ้น ชิ้นส่วน อุปกรณ์แอร์เฉพาะรุ่นหลักกำหนดให้มีอายุการใช้งาน

www.tarad.com/com-air